1. เปิดไม่ติดมีหลายสาเหตุ เปิดไม่ติด เกิดจาก ไม่มีไฟ 5Vsb(สายซัพพลายสีม่วง) ไม่มีไฟ 5V PowerON(สายซัพพลายสีเขียว) วิธีแก้ ลองเปลี่ยนซัพพลาย ใหม่ดูว่าไฟมาหรือเปล่า ถ้ามาก็ ใช้ได้ ถ้าไม่มา แสดงว่า ต้องมี อุปกรณ์ใดๆในบอร์ด Shot แต่ถ้า ไม่มีไฟ 5Vsb(สายซัพพลายสีม่วง)มาปกติ แต่ ไม่มีไฟ 5V PowerON(สายซัพพลายสีเขียว) มาแสดงว่า ต้องลองเช็คเฟต ที่ เป็น ไฟ CPU บริเวณ ข้าง Socket CPU ดูน่าจะมี ตัว Shot อยู่ บางตัว แต่ถ้า ไม่มี ไฟไรช๊อตเลย ลองเปลี่ยน Crystal 32.768 KHz ดูก่อนเลย อาจจะเปิดติด ได้ ถ้ามี Scope ก็ลองวัดสัญญาณ ดูว่า มีสัญญาณ Clock มา ครบ 32.768 KHz หรือเปล่า แล้วอีกอย่าง ที่ เป็นเทคนิคพิเศษ ลอง เช็ค IO ว่า ร้อนเกินปกติ มือ จับได้หรือเปล่า ถ้าร้อนเปลี่ยนได้เลย ถ้าไม่รอน ต้องเช็ค ตาม Manual ดูว่า IO ปกติหรือเปล่า ลองเช็คที่ขา IO ตรง 5Vsb ดูถ้า Shot ก็เปลี่ยนได้เลย ถ้า ลองเปลี่ยนทุกอย่าแล้ว ไม่หาย ลองจับ South Brige ดูว่าร้อนหรือเปล่า ถ้าร้อน ก็ต้องเปลี่ยน South Brige แต่ถ้าไม่ร้อน ลองเช็ค ที่ Panal PowerOn ตรงที่เรา ทริกเปิดเครื่องนั่นแหละ ว่ามีไฟ 5V หรือบางรุ่น บอร์ด จะมี 3.3 V ถ้าไฟมา ไม่ถึง หรือมาแค่ 1V กว่า ๆลองเช็ค ไฟ Regulator จาก 5V เป็น 3.3V ถ้าเปลี่ยน Regulartor แล้วไม่หาย แสดงว่าSouth Brige เสียแน่นอน หรือไม่ก็เปลี่ยน Regulator จาก 5V เป็น 3.3V แล้ว South Brige ร้อนขึ้นมาเลย ก็แสดงว่า South Brige เสียได้เหมือนกัน
2. อาการ ดีบัคขึ้น 00 หรือ FF คืออาการไม่บูต บางรุ่นขึ้น D0 อาการดีบัคขึ้น 00 หรือ FF แล้วไม่วิ่งไปใหนเลย มีได้หลายสาเหตุ 2.1 คือ Bios เสีย หรือไฟล์ใน Bios เสียหาย ก็สามารถแฟตไบออส ได้จากเครื่องแฟต หรือ ไม่ก็งัดไบออส จาก บอร์ดรุ่นเดียวกัน มาลองเปลี่ยนดู ถ้าติดปกติ ก็ต้องแฟตไบออสใหม่ การแฟตไบออสมีหลายวิธี แล้วก็มีสอนหลายเว็ป ลองเข้าไปดูกันได้คับ แต่ร้านของเรา ใช้เครื่องแฟต คือ ถอดไบออสมาแฟต กับเครื่องแล้ว ใส่กลับเข้าไปใหม่ได้เลย ไม่ต้องกลัวว่าจะแฟตผิด แฟตซ้ำได้ตลอด 2.2 IO เสีย เป็นสาเหตุหนึ่ง ในการ ทำให้ ดีบึคขึ้น 00 หรือ FF ส่วนมาก IO มีหลาย รุ่น แต่ส่วนมากมี 2 ยี่ห้อ คือ WinBond กับ ITE ส่วนมาก IO เสีย หาได้ง่ายๆเพราะ จะร้อนมาก่อนเลย แต่ถ้าไม่บูต ต้องเช็คที่ขา ดาต้า ว่าดาต้าเข้า แล้วดาต้าไม่ออก แต่ Clock ไฟต่างๆ 5V 3.3V 12 V เข้าปกติ ก็แสดงว่า IO เสียได้เหมือนกัน แต่ที่ร้าน B.B.Com มีการ์ด Test ว่า IO เสียหรือเปล่า ได้เลย โดยไม่ต้องวัดให้เสียเวลา โดยการเสียบการ์ด แทน IO โดยมีไบออส อยู่ในการ์ดเรียบร้อย ถ้า ทุกอย่างปกติ แต่ ต้อง ใส่ Bios ที่ตรงรุ่นกับ บอร์ดนั้นๆ ไว้ในการ์ด IO จะสามาถบูตเข้าวินโดวส์ได้เลยโดยการตัดการทำงานของไบออส ในบอร์ดออก แล้วไปทำงานที่ ไบออสในการ์ด แทน แต่ ถ้าเปลี่ยน IO ที่ บอร์ด ก็จะทำงานได้ปกติ 2.3 อาการ บอร์ด ดีบัคขึ้น D0 ส่วนมาก สาเหตุเป็นเพราะ ระบบ Data หรือ Address ของ North Bridge กับ Socket CPU ขาดหรือไม่ต่อกัน อาการแก้ง่ายๆ โดยการ เปลี่ยน Socket CPU ใหม่ หรือลองขยับ ดูว่า ล๊อก CPU กับไม่ล๊อก CPU จะทำให้บอร์ดติดหรือเปล่า ถ้า ไม่ล๊อกแล้วติด ก็แสดงว่า Socket CPU เสียหรือเปล่าหรือ ถ้ากด North Bridge แล้วทำงานได้ ก็แสดว่า North Bridge หลวม ต้องเปลี่ยน หรือไม่ก็ Re Built North Bridge ใหม่ เผื่อ บอล ตะกั่วใน North Bridge ไม่เชื่อประสานกัน บางจังหวะ หรือไม่ก็ สัญญาณไฟ CPU ไม่เรียบพอ ก็ต้องลองเปลี่ยน Regulartor โดยต้องมี มิเตอร์วัด Ripple ว่า ได้มาตรฐานหรือเปล่า ก่อนจะเปลี่ยน Regulartor CPU
3.อาการระบบ Ram เสีย ง่ายๆมีหลายสาเหตุ เช่น ดีบัคขึ้น C0-C5 D3-D7 E0-ED หรือไม่ก็ 90แล้วดับ เปิดอีกที ติดแต่ค้างที่ AD แยกไว้ตามประเภทกว่างๆไว้ดังนี้ 3.1 อาการ C0-C5 ส่วนมาก เป็นได้ ที่ Clock ของระบบแรมไม่มา หรือมาน้อย ไม่สามารถทำงานได้ ถ้าเป็น DDR ต้องดูที่ขา 7-8 นับมาจาก ด้านบน ทางด้านร่องกว้าง จะมี Clock ตั้งแต่ 100-133-166-200 แต่ แรมมันเอามาคูณ 2 อีกที หรือไม่ก็ Capacitor บวม บริเวณแรม ทำให้ Clock มา แต่ไม่เรียบ หรือ เป็นลูกไม่สวยทำให้แรมรับไม่ได้ ถ้ามี Scope ก็สามารถดูลูก คลื่นได้ โดยตรง ถ้าไม่มีก็ ต้องเปลี่ยน Clock Buffer ดู ก็จะหาย 3.2 D3-D7 ส่วนมาก มาจาก ไฟ เลี้ยงแรม มาไม่พอ หรือมาน้อย หรือมี Ripple มามากเกินไปต้องดูหรือวัดที่ Regulartor ที่เป็นแฟต ส่วนมากจะมี เบอร์ 9916H B1202 3055LD 45N02 A2039 และอีกหลายเบอร์ แต่ถ้ามีรอยใหม้เปลี่ยนได้เลย เสียแน่ๆ แต่ถ้าไม่มีรอยใหม้ ต้องเช็ค ว่า Shot หรือเปล่า หรือ ลองวัดดู ต้องมีไฟ เข้า 3.3V แล้วไฟทริกต้องมีประมาณ 3.5-4.5 V ถ้าไม่มีไฟทริกต้องมองหา ออฟแอม ว่ามีรอยใหม้หรือเปล่าถ้าทุกอย่างมาครบ แต่ไฟไม่ออก 2.5-2.8V ก็เปลี่ยน แฟตแรมได้เลย 3.3 อาการ E0-ED ลองขัด Slot แรมดู โดยใช้ น้ำยาพิเศษ แห้งเร็ว ทำให้ Slot Ram สะอาด ทำให้บูตได้ปกติ ถ้าไม่ได้จริง ๆต้องเปลี่ยน North Bridge เพราะ สายData หรือ Address ของ Ram ต่ออยู่กับ North Bridg หรือไม่ก็ Re Built North Bridge เผื่อ บอลตะกั่วไม่ต่อกันจริงๆ ระหว่าง บอร์ดกับ North Bridge
4. อาการ ดีบัค ค้างที่ 2A ส่วนมาก จะเป็นอาการของบอร์ด ไม่แสดงผลภาพ หรือ การ์ดจอไม่ทำงาน ให้ลองหา ทรานซิสเตอร์เล็กๆ ข้าง Slot AGP จะมีอยู่ 2 ตัวไว้ ดีเทค ว่ามี VGA เสียบอยู่หรือเปล่า ถ้าตัวนี้เสียหรือ ปริ้นล่อนก็ไม่สามารถมองเห็นการ์ด จอ VGA ที่เสียบอยู่กับบอร์ดได้ หรือไม่ก็ Slot AGP บนบอร์ด เสีย หรือเข็ม ใน Slot AGP หักหรืองอ ก็ต้องเปลี่ยน Slot AGP ก็จะหายเป็นปกติ
สาเหตุ และ การแก้ไขปัญหาอาการเสียที่เกิดจากเมนบอร์ด
เมนบอร์ด (Mainboard) เป็นแผงวงจรหลักในคอมพิวเตอร์มีลักษณะเป็นแผ่นเซอร์กิต PCB (Print Circuit Board) ใช้สำหรับติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กโทรนิคต่าง ๆ รวมทั้ง ซีพียู, หน่วยความจำหรือ RAM และแคช (Cache) ซึ่งหน่วยความจำความเร็วสูงสำหรับพักข้อมูลระหว่างซีพียูและแรม
อุปกรณ์ที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งซึ่งอยู่บนเมนบอร์ดได้แก่ ชิปเซ็ต (Chipset) ภายในประกอบด้วยทรานซิสเตอร์ขนาดเล็กจำนวนหลายล้านตัว ผลิตด้วยเทคโนโลยีการทำงานระหว่างอุปกรณ์ชนิดต่าง ๆ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เมนบอร์ดแต่ละยีห้อและแต่ละรุ่นมีคุณสมบัติต่างกัน นอกจากนี้บนเมนบอร์ดยังมีช่องสำหรับเสียบการ์ดเพิ่มเติมที่เรียกว่า สล็อต (Slot) ซึ่งการ์ดจอ, การ์ดเสียง ฯลฯ ต่างก็เสียบอยู่บนสล็อต นอกจากนี้เมนบอร์ดในปัจจุบัน ยังได้รวมเอาส่วนควบคุมการทำงานต่าง ๆ ไว้บนตัวเมนบอร์ดอีกด้วย ได้แก่ ส่วนควบคุมฮาร์ดดิสก์ (Harddisk Controller), พอร์ตอนุกรม (Serial Port), พอร์ตขนานหรือพอร์ตเครื่องพิมพ์ (Printer Port), พอร์ต PS/2, USB(Universal Serial Bus) รวมทั้ง Keyboard Controller สำหรับอุปกรณ์อื่นที่มีมาตั้งแต่เริ่มกำเนิดเมนบอร์ดได้แก่ ROM BIOS และ Real-Time Clock เป็นต้น
อาการเสียที่เกิดจากเมนบอร์ด เมนบอร์ดเป็นที่รวมอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ติดตั้งภายในคอมพิวเตอร์จึงมีปัญหาต่อเนื่องเกี่ยวพันกับอุปกรณ์อื่นเช่น ซีพียู แรม หรือการ์ดติดตั้งต่าง ๆ สำหรับปัญหาที่ผู้ใช้มักพบเห็นที่เกี่ยวกับเมนบอร์ดดังนี้
ปัญหาที่ 1 รู้ได้อย่างไรว่าเมนบอร์ดที่ใช้อยู่ รองรับอุปกรณ์ Onboard อะไรบ้าง วิธีแก้ หากอยากรู้ว่าคอมพิวเตอร์หรือเมนบอร์ดที่ใช้อยู่มีอุปกรณ์ Onboard อะไรแถมมาด้วยก็ไม่ยาก โดยให้ดูที่ด้านท้ายเคสซึ่งจะมีพอร์ตสำหรับต่อเมาส์ และย์บอร์ด ถ้าหากเมนบอร์ดมีอุปกรณ์ Onboard อื่นให้มาด้วยก็จะมีพอร์ตสำหรับอุปกรณ์นั้นเช่น พอร์ต Modem, Lan, VGA, Sound คือถ้าพบมีพอร์ตดังกล่าวอยู่ท้ายเคสก็ให้เสียบใช้งานได้ทันที
ปัญหาที่ 2 การ์ดจอ Onboard เสียจะทำอย่างไร ปัญหานี้จะแสดงอาการออกมาในลักษณะเปิดเครื่องได้เห็นไฟเข้าเครื่องทำงานปกติแต่หน้าจอจะไม่มีภาพอะไรเลย ผู้ใช้หลายคนนึกว่าเมนบอร์ดเสีย จึงไปหาซื้อเมนบอร์ดมาเปลี่ยนใหม่ทำให้สูญเสียเงินไปโดยใช่เหตุ สาเหตุ เป็นเพราะระบบแสดงผลของชิปเซ็ตบนเมนบอร์ดเสีย ทำให้ไม่มีภาพปรากฏบนหน้าจอ วิธีแก้ ให้ทำการจัมเปอร์บนเมนบอร์ดเป็น Disable หรือกำหนดค่าในไบออสให้เป็น Disable ขึ้นอยู่กับรุ่นของเมนบอร์ด แล้วนำการ์ดจอมาติดตั้งลงในสล็อต AGP แทน หากเป็นรุ่นที่ไม่มีสล็อต AGP ก็คงต้องหาซื้อการ์ด PCI มาติดตั้งแทน
ปัญหาที่ 3 เมนบอร์ดมีการ์ดเสียง Onboard ไม่ทำงาน ปัญหานี้มีลักษณะคล้ายกับปัญหาการ์ดจอ Onboard แต่ส่วนใหญ่การ์ดเสียง Onboard ที่มีปัญหาใช้งานไม่ได้ สาเหตุ 1. ยังไม่ได้กำหนดให้ใช้งานวงจรเสียงได้จากไบออส 2. ยังไม่ติดตั้งไดรเวอร์สำหรับวงจรเสียงดังกล่าว 3. อาจเป็นส่วนของวงจรเสียงในชิปเซ็ตเสีย วิธีแก้ 1. กำหนดค่าในไบออสโดยเลือกหัวข้อ Integrated Peripherals 2. เลือกหัวข้อ Onboard Hardware Audio และกำหนดค่าเป็น Enabled 3. Save ค่าไว้และออกจากไบออสบู๊ตเครื่องใหม่ 4. ใช้แผ่นไดรเวอร์เมนบอร์ดติดตั้งไดรเวอร์เสียงลงใน Windows 5. หากติดตั้งแล้วใช้การไม่ได้แสดงว่าส่วนวงจรเสียงเสีย ให้ Disabled ยกเลิกการใช้งานในไบออส แล้วหาซื้อการ์ดเสียงมาติดตั้งใหม่
ปัญหาที่ 4 จะติดตั้งพอร์ต USB ของตัวเครื่องเข้ากับเมนบอร์ดได้อย่างไร สาเหตุ เมนบอร์ดทั้วไปมักจะมีพอร์ต USB ติดตั้งมาให้จำนวน 2 พอร์ต โดยจะมีขั้วพอร์ต USB ให้อีก 1 ช่องสำหรับต่อพอร์ต USB ได้อีก 2 พอร์ต ซึ่งพอร์ตต่อเพิ่มพอร์ต USB มักเป็น Options เสริมที่ต้องซื้อเพิ่มเอาเองแต่ในตัวเคสรุ่นใหม่ที่ด้านหน้าหรือด้านข้างมักจะมีพอร์ตเสริม USB มาให้อีก 2 พอร์ต วิธีแก้ การติดตั้งพอร์ตเสริม USB ของตัวเคสจำนวน 2 พอร์ต เพื่อให้ใช้งานได้จะต้องนำสายสัญญาณและสายจ่ายไฟจำนวน 8 เส้นมาเสียบต่อเข้ากับช่องต่อพอร์ต USB บนเมนบอร์ดโดยจะต้องดูคู่มือเมนบอร์ดประกอบด้ยอย่าเสียบผิดสายเพระสาย USB จะมีไฟเลี้ยงอยู่ด้วย จะทำให้อุปกรณ์ต่อพ่วงเสียหายได้ สำหรับขั้นตอนการติดตั้งพอร์ต USB ตัวเครื่องเข้ากับเมนบอร์ดดังนี้ 1. เปิดฝาเครื่องออกมาและหาตำแหน่งขั้วต่อพอร์ต USB บนเมนบอร์ด โดยที่ขา 1 จะมีเส้นทึบสีขาวขีดคร่อมอยู่ 2. นำสายสัญญาณและสายจ่ายไฟพอร์ต USB จากเมนบอร์ดมาเรียงไว้ โดยสายจะมี 2 ชุด ๆ ละ 4 เส้น 3. นำสายทั้ง 2 ชุดเสียบเข้ากับขั้วต่อพอร์ต USB บนเมนบอร์ดโดยดูจากคู่มือเมนบอร์ดประกอบกันด้วยอย่าสลับสายกันเป็นอันขาด
ปัญหาที่ 5 ใช้งานพอร์ต USB 2.0 ผ่านเครื่องพิมพ์ ไม่เห็นความเร็วเพิ่มขึ้น สาเหตุ พอร์ต USB 2.0 เป็นพอร์ตมาตรฐานเพิ่งออกมาใหม่ รองรับความเร็วในการส่งผ่านข้อมูลได้สูงถึง 480 Mbps หรือเร็วกว่าพอร์ต USB 1.1 ถึง 40 เท่าแต่ใช่ว่าเมื่อเมนบอร์ดรองรับพอร์ต USB 2.0 แล้วจะสามารถใช้งานได้เลย ต้องทำการติดตั้งไดรเวอร์ของ USB 2.0 ให้ถูกต้องเสียก่อน วิธีแก้ สำหรับวิธีการตรวจดูว่าคอมพิวเตอร์ของเรา ได้ติดตั้งและใช้ความสามารถของพอร์ต USB 2.0 แล้วหรือยังมีดังนี้ 1. ใน Windows XP ให้คลิกปุ่ม Start>Control Panel>Switch to classic view 2. ดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอน system 3. คลิกแท็ป Hardware 4. คลิกปุ่ม Device Manager 5. คลิกเครื่องหมาย + หน้า Universal Serial Bus controllers จะพบว่ามีแต่ไดรเวอร์ของ USB 1.1 ติดตั้งไว้เท่านั้น สำหรับ USB 2.0 ยังไม่ได้ติดตั้ง (มีเครื่องหมายตกใจสีเหลืองหน้าตัว Universal Serial Bus (USB) Controller 6. ให้ติดตั้งไดรเวอร์ USB 2.0 โดยการคลิกเมาส์ขวาที่ตัว Universal Serial Bus (USB) Controller และเลือก Update Driver
7. เมื่อปรากฏหน้าจอให้ Update Driver ให้ใส่แผ่นซีดีรอมไดรเวอร์ของเมนบอร์ดเข้าเครื่องและคลิกเลือกหัวข้อ Install the software automatical ly และดำเนินการตามขั้นตอนที่ปรากฏหน้าจอต่อไป 8. ในขั้นตอนที่ 6 หากต้องการติดตั้งไดรเวอร์ USB จากแผ่นไดรเวอร์เมนบอร์ดโดยตรงก็สามารถทำได้โดยใส่แผ่นไดรเวอร์เข้าไปในเครื่องเพื่อให้รันโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะปรากฏหน้าจอให้เลือกข้อ VIA USB 2.0 Driver และดำเนินการไปตามข้นตอนที่ปรากฏบนหน้าจอไปจนเสร็จสิ้น หลังจากนั้นจะบู๊ตเครื่องขึ้นมาใหม่ 9. ให้เข้าไปตรวจสอบสถานะของไดรเวอร์ USB 2.0 ว่าได้รับการติดตั้งแล้วหรือไม่โดยเข้าไปที่ Control Panel ซึ่งจะพบว่ามีไดรเวอร์ของ USB 2.0 ได้รับการติดตั้งแล้วคือ USB 2.0 Root Hub และ VIA USB 2.0 Enchanced Host Controller เพียงเท่านี้เมื่อมีการใช้งานพอร์ต USB 2.0 เช่น สั่งพิมพ์งานเอกสารด้วยเครื่องพิมพ์งานเอกสารด้วยเครื่องพิมพ์ผ่านพอร์ต USB 2.0 งานพิมพ์แทบจะวิ่งออกมาทีเดียว
ปัญหาที่ 6 เปิดสวิทซ์แล้วเครื่องไม่ทำงานใด ๆ เลยไฟก็ไม่ติด ไม่มีเสียงร้องสาเหตุที่ 1 ปลั๊ก Power Supply หลวม วิธีแก้ ให้ลองขยับปลั๊ก Power Supply ทั้งทางด้านหลังเครื่องคอมพิวเตอร์และที่เต้าเสียบให้แน่น สาเหตุที่ 2 อาจเป็นที่ Power Supply เสีย วิธีแก้ ให้ลองตรวจเช็คว่ามีไฟฟ้าออกจาก Power Supply ถูกต้องหรือไม่วิธีสังเกต ถ้าเป็นสายไฟสีแดงจะมีค่า +5 Volt ถ้าเป็นสายสีเหลืองจะมีค่า +12 Volt หรืออาจสังเกตง่าย ๆ ขั้นต้นว่าเมื่อเปิดสวิทซ์นั้นพัดลมที่ติดอยู่กับ Power Supply หมุนหรือไม่ และเป็นไปได้ที่บางครั้ง Power Supply อาจจะเสียแต่พัดลมยังหมุนอยู่ เราอาจจะลองนำ Power Supply ตัวอื่นที่ไม่เสียมาลองเปลี่ยนดูก็ได้ ถ้าเสียก็ซื้ออันใหม่มาเปลี่ยน เอาแบบวัตต์สูง ๆ ก็จะดี สาเหตุที่ 3 เป็นที่เมนบอร์ดเสีย วิธีแก้ ถ้า Power Supply ไม่เสียมีไฟเลี้ยงเข้าเมนบอร์ดตามปกติ ให้ลองเช็คโดยการถอดการ์ดต่าง ๆ และ RAM ออกหมด ถ้าเปิดเครื่องแล้วไม่มีเสียงร้องแสดงว่าเมนบอร์ดหรือ CPU เสีย แต่ถ้ามีเสียงร้องแสดงว่าอุปกรณ์บางตัวที่ถอดออกไปเสีย และถ้าหากเมนบอร์ดเสียให้ส่งที่ร้านซ่อมหรือซื้อเมนบอร์ดใหม่ สาเหตุที่ 4 CPU หลวม วิธีแก้ ส่วนใหญ่เหตุการณ์นี้มักเกิดขึ้นกับซีพียูประเภทซ็อคเก็ตสล็อตวัน (Slot 1) และซ็อคเก็ตสล็อตทู (Slot 2) เช่น เพนเทียมทู เป็นต้น ให้เราปิดฝาเครื่องและลองขยับซีพียูที่ดูเหมือนแน่นอยู่แล้วให้แน่นขึ้นไปอีก สาเหตุที่ 5 CPU เสีย วิธีแก้ ลองหา CPU ตัวใหม่มาลองเปลี่ยนแทน ถ้าใช้ได้ละก็แสดงว่าตัวเก่าเสียแน่นอน สาเหตุที่ 6 เป็นที่อุปกรณ์บางตัวเสียทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร วิธีแก้ ให้ลองใส่ตรวจเช็คทีละตัว
ปัญหาที่7 เปิดเครื่องแล้วมีเสียงร้องแต่ไม่ยอมทำงานใด ๆ สาเหตุที่ 1 อุปกรณ์บางตัวที่ต่อกับเมนบอร์ดหลวม วิธีแก้ ถ้าอุปกรณ์บางตัวที่ต่อกับเมนบอร์ดหลวม จะทำให้กระบวนการเช็คค่าเริ่มต้น (POST) ของ BIOS ฟ้องค่าผิดพลาด ให้เราเปรียบเทียบค่าสัญญาณ Beep Code จากคู่มือเมนบอร์ด สาเหตุที่ 2 อุปกรณ์บางตัวที่อยู่บนเมนบอร์ดต่อไม่ถูกต้อง วิธีแก้ ส่วนใหญ่มักเกิดกับ RAM ปกติเมื่อเราเปิดเครื่องแล้วมีปัญหาไม่สามารถแสดงภาพออกทางหน้าจอในตอนเริ่มต้นได้ Bios จะพยายามแจ้งอาการเสียผ่านทางเสียงร้องออกทางลำโพงที่อยูภายในเครื่องคอมพ์ ให้เราเปรียบเทียบค่าสัญญาณ Beep Code จากคู่มือเมนบอร์ด สาเหตุที่ 3 อุปกรณ์บางตัวที่ต่อกับเมนบอร์ดเสีย วิธีแก้ ให้เราลองเปรียบเทียบค่าสัญญาณ Beep Code จากคู่มือเมนบอร์ดดู สาเหตุที่ 4 Chip บนเมนบอร์ดบางตัวเสีย วิธีแก้ ให้ลองไปดูเครื่อง Beep Code และถ้าสาเหตุมาจาก Chip บนเมนบอร์ดให้ไปส่งร้านซ่อมเพื่อเปลี่ยน Chip หรือต้องซื้อเมนบอร์ดตัวใหม่ถ้าไม่มีอะไหล่
ปัญหาที่ 8 เครื่องทำงานพื้นฐานตามปกติได้แต่ไม่สามารถใช้อุปกรณ์บางตัวได้ โดยที่อุปกรณ์ตัวนั้นไม่ได้เสีย สาเหตุที่ 1 Chip บางตัวบนเมนบอร์ดเสีย วิธีแก้ ให้ลองไปดูเรื่อง Beep code และถ้าสาเหตุมาจาก Chip บนเมนบอร์ดให้ไปส่งร้านซ่อมเพื่อเปลี่ยน Chip หรือต้องซื้อเมนบอร์ดตัวใหม่ถ้าไม่มีอะไหล่ สาเหตุที่ 2 สล็อตหรือพอร์ตบางพอร์ตบนเมนบอร์ดเสีย วิธีแก้ ลองเปลี่ยนการ์ดตัวนั้นไปเสียบสล็อตอื่นที่เหลือแทน แล้วลองทดสอบตามปกติ ถ้าเหมือนเดิมส่งร้านซ่อมหรือซื้อเมนบอร์ดใหม่ สาเหตุที่ 3 เกิดการ Conflict กับอุปกรณ์ตัวอื่น วิธีแก้ เข้าไปที่ Device Manager ให้สังเกตว่ามีเครื่องหมายอัศเจรีย์ (!) แสดงว่าที่อุปกรณ์ตัวนั้นมีปัญหา ได้ดับเบิ้ลคลิกที่อุปกรณ์ตัวนั้นเพื่อเข้าสู่ Properties จากนั้นลองแก้ไขค่า Resources ต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ซ้ำกับอุปกรณ์ตัวอื่นครับ สาเหตุที่ 4 ไม่ได้ลงไดรเวอร์ วิธีแก้ ให้ทำการติดตั้งไดรเวอร์ลงไป โดยไดรเวอร์มักจะแถมมากับอุปกรณ์ตัวนั้น ๆ หรือถ้าหาไม่ได้ให้ลองดาวน์โหลดไดรเวอร์จากเว็บไซต์ผู้ผลิตดู สาเหตุที่ 5 ลงไดรเวอร์ผิดรุ่น วิธีแก้ ในบางครั้งที่ระบบปฏิบัติการจะตรวจสอบชนิดและรุ่นของอุปกรณ์ตัวนั้น ๆ โดยอัตโนมัติ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่ผลของการตรวจสอบจะคลาดเคลื่อน ทางที่ดีควรตรวจเช็คให้แน่ว่ารุ่นของอุปกรณ์ตรงกับไดรเวอร์ที่ลงหรือไม่ ถ้าไม่แน่ใจให้ลงไดรเวอร์จากแผ่นโปรแกรมที่มาพร้อมกับเครื่อง
ปัญหาที่ 9 คอมพิวเตอร์แฮงก์บ่อย ๆ โดยหาสาเหตุไม่ได้ สาเหตุที่ 1 อาจเกิดจากไวรัสคอมพิวเตอร์ วิธีแก้ ลองใช้โปรแกรม Antivirus เวอร์ชั่นอัพเดทตรวจสอบฮาร์ดดิสก์ทั้งหมด สาเหตุที่ 2 คุณภาพเมนบอร์ดไม่ถึงมาตรฐาน วิธีแก้ อาจเป็นเพราะคุณภาพของเมนบอร์ดไม่ถึงมาตรฐานของโรงงาน ซึ่งโดยมากมักเกิดกับเมนบอร์ดที่เพิ่งซื้อมาใหม่ ให้เอาไปเปลี่ยน สาเหตุที่ 3 ไฟล์ระบบปฏิบัติการชำรุด วิธีแก้ ถ้ามั่นใจแล้วว่าไม่ได้เกิดจากไวรัสและสาเหตุอื่น ๆ ให้เรา Backup ข้อมูล ฟอร์แมต แล้วลงระบบปฏิบัติการและโปรแกรมใหม่ทั้งหมด
ปัญหาที่ 10 เวลาบู๊ตเครื่องต้องกด ทุกครั้ง สาเหตุ พบความผิดพลาดขณะทำการตรวจสอบระบบเรียกว่า Post (Power On Self Test) วิธีแก้ เมื่อขณะเปิดเครื่อง Bios จะทำการตรวจสอบระบบเรียกว่า Post (Power On Self Test) ถ้าพบผิดพลาดจะมีข้อความแจ้งให้ผู้ใช้ทราบและหยุดรอผู้ใช้กด เพื่อทำงานต่อ ซึ่งข้อผิดพลาดส่วนใหญ่มักเกิดจากการที่เราตั้งค่าใน Bios ว่ามีอุปกรณ์บางอย่างอยู่ในเครื่องซึ่งไม่มีอยู่จริง เมื่อ Bios ว่ามีอุปกรณ์บางอย่างอยู่ในเครื่องซึ่งไม่มีอยู่จริง เมื่อ Bios ค้นหาอุปกรณ์ต่าง ๆ แล้วไม่พบ อุปกรณ์ดังกล่าวจึงแจ้งความผิดพลาดให้เราทราบ ซึ่งเราอาจเข้าไปแก้ค่าต่าง ๆ ใน Bios ให้ตรงกับความจริง ปัญหาที่ Bios ก็จะหายไปเอง
ปัญหา 11 หลังจากที่เปิดเครื่องแล้วมีแต่เสียงปี๊บ ยาวๆ เกิดขึ้นและเครื่องก็ไม่สามารถทำงานต่อไปได้ วิธีแก้ ตามปกติเมื่อเปิดเครื่องแล้วคุณจะได้ยินเสียงดังปี๊บสั้นๆ หนึ่งครั้ง ซึ่งเสียงนี้สื่อให้คุณรู้ว่าระบบทุกอย่างอยู่ในสภาพปกติ ไม่มีอะไรผิดพลาด ขึ้นกับอุปกรณ์ตัวหนึ่งตัวใดในเครื่องแล้ว ซึ่งกรณีนี้ส่วนใหญ่ มักเกิดจากการลืมติดตั้งการ์ดแสดงผล หน่วยความจำติดตั้งไม่แน่นหรือไม่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม เสียงที่เกิดขึ้นนี้มีหลากหลายรูปแบบคุณจะต้องแยกให้ออก ว่าเสียงนั้นดังอย่างไร จากตัวอย่างเช่น สั้นสลับยาวหรือดังยาวๆ เพียงครั้งเดียว นอกจากนี้เมนบอร์ดที่ใช้ไบออสต่างยี่ห้อกันเสียงที่เกิดขึ้นก็จะบ่งบอกสาเหตุของปัญหาที่แตกต่างกันไปอีกด้วย
สรุปอาการเสียและการแก้ไขปัญหายอดฮิตของคอมพิวเตอร์ อาการเสียของคอมพิวเตอร์นั้นมีหลายสาเหตุ สามารถวิเคราะห์อาการเสียเบื้องต้นได้ดังนี้
อาการ บูตเครื่องขึ้นมาแล้ว ทุกอย่างไม่ทำงานและเงียบสนิท ให้ตรวจสอบที่พัดลมด้านท้ายเครื่องว่าหมุนหรือไม่ หากไม่หมุนอาจเป็นไปได้ว่าปลั๊กไฟเสีย หรืออาจขาดใน และให้เข้าไปเช็คที่ฟิวส์ของเพาเวอร์ซัพพลาย หากฟิวส์ขาดให้ซื้อฟิวส์รุ่นเดียวกันมาเปลี่ยน แต่ถ้าเพาเวอร์ซัพพลายเสีย ควรแนะนำลูกค้าให้เปลี่ยนเพาเวอร์ซัพพลายใหม่
อาการ บูตเครื่องแล้วจอมืด แต่ไฟ LED หน้าจอและไฟเคสติด ให้ตรวจสอบที่ปุ่มการปรับสีและแสงที่หน้าจอก่อน จากนั้นจึงเช็คในส่วนของขั้วสายไฟ และขั้วสายสัญญาณระหว่างเคสและจอภาพ หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะเสียบการ์ดจอไม่แน่นหากตรวจเช็คอาการเหล่านี้แล้ว ทุกอย่างเป็นปกติดีสาเหตุน่าจะเกิดจากการ์ดแสดงผล และจอภาพ ให้นำอุปกรณ์ทั้ง 2 ตัวไปลองกับอีก เครื่องหนึ่งที่ทำงานเป็นปกติ หากการ์ดแสดงผลเสียต้องส่งเคลมหรือให้ลูกค้าเปลี่ยนใหม่ แต่ถ้าเป็นจอภาพ ให้ตรวจเช็คอาการอีกครั้ง ถ้าซ่อมได้ก็ควรซ่อม
อาการ บูตเครื่องแล้วมีไฟที่หน้าเคสและไฟฟล็อบปี้ไดรฟ์ แต่จอมืดและทุกอย่างเงียบสนิท ให้ตรวจสอบที่การเชื่อมต่อระหว่างขั้วต่อสายไฟของเพาเวอร์ซัพพลายกับเมนบอร์ดถูกต้องหรือไม่ หลุดหลวมหรือเปล่าตรวจสอบสายแพที่เชื่อมต่อกับขั้วต่อ IDE ของฮาร์ดดิสก์, ฟล็อบปี้ดิสก์ และซีดีรอม ถูกต้องหรือไม่ หลุดหลวมหรือไม่ ตรวจสอบการติดตั้งซีพียูว่าใส่ด้านถูกหรือไม่ ซีพียูเสียหรือไม่ ตรวจสอบจัมเปอร์หรือดิปสวิทช์ และการเข้าไปเปลี่ยนแปลงค่าในไบออสว่ามีการกำหนดค่าที่ถูกต้องหรือไม่ โดยเฉพาะค่าแรงดันไฟ Vcore
อาการ ที่จอภาพแสดงข้อความผิดพลาดว่า HDD FAILURE ตรวจสอบการตั้งค่าในไบออสว่าถูกต้องหรือไม่ ตรวจสอบขั้วต่อ IDE ว่ามีการเสียบผิดด้านหรือไม่ หลุดหลวมหรือเปล่า ตรวจสอบฮาร์ดดิสก์ว่าเสียหรือไม่ โดยเข้าไปในเมนูไบออส และใช้หัวข้อ IDE HDD Auto Detection ตรวจหาฮาร์ดดิสก์ ถ้าไม่เจอแสดงว่าฮาร์ดดิสก์มีปัญหาแต่หากเจอแสดงว่าฮาร์ดดิสก์ปกติดี
อาการ เมื่อบูตเครื่องขึ้นมาแล้วมีสัญญาณเตือนดัง บี๊บ...........บี๊บ ควรตรวจสอบแรมว่าทำงานเป็นปกติหรือไม่ ติดตั้งดีแล้วหรือยัง วิธีแก้ไขให้ถอดแล้วเสียบใหม่ ตรวจสอบการติดตั้งการ์ดต่างๆ บนเมนบอร์ดว่าติดตั้งดีแล้วหรือยัง วิธีแก้ไขให้ถอดแล้วเสียบใหม่ ตรวจสอบซีพียูและการเซ็ตจัมเปอร์ว่าถูกต้องหรือไม่ วิธีแก้ไขเซ็ตจัมเปอร์ใหม่โดยตรวจเช็คจากคู่มือเมนบอร์ด
|