ประวัติ
พระครูปริยัติพลากร
Link เครือข่าย
Fanpage:ศูนย์วัฒนธรรม เฉลิมราชตำบลทุ่งแต้
ห้องสมุดออนไลน์
เฉลิมราช
โรงเรียนบ้านทุ่งแต้
สินค้าโอท็อป
มวยนึ่งข้าว
มนต์เสน่ห์เมืองลาว
เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 52 ที่ผ่านมาได้มีโอกาสหนีความวุ่นวายในเมืองไทย แพกกระเป๋าร่วมเดินทางกับคณะทัวร์ไปทำบุญที่เมืองอัดสะพอน แขวงสะหวันนะเขต ประเทศลาว เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 52 ที่ผ่านมาได้มีโอกาสหนีความวุ่นวายในเมืองไทย แพกกระเป๋าร่วมเดินทางกับคณะทัวร์ไปทำบุญที่เมืองอัดสะพอน แขวงสะหวันนะเขต ประเทศลาว หลังจากที่เราสามารถนำคนกว่า 30 ชีวิต และรถอีก 3 คันข้ามสะพานไทลาวที่มุกดาหารได้แล้ว (ลาวเรียกสะพานว่า ขัว) มุ่งหน้ารถตามถนนหมายเลข 9 สองข้างทางจะสังเกตเห็นสัตว์ชนิดหนึ่งกินหญ้าอยู่ข้างทางเป็นระยะ ถามคณะที่มาด้วยกันซึ่งเป็นคนลาวเขาบอกว่า มันคือแบ้ หรือแพะนั่นเอง รถที่นี่วิ่งเลนส์ขวาคนขับต้องตั้งสติให้ดีตลอดเวลาขับไม่ยากครับแต่จะลำบากตอนที่ไปจ่อรถสิบล้อ เวลาแซงต้องแซงซ้ายแต่คนขับนั่งอยู่ขวาต้องให้คนที่นั่งมาด้วยซ้ายมือเป็นคนบอกว่าถนนว่างหรือเปล่าก็แปลกๆดีครับ ถนนเมนหลักสภาพดีมีผุพังเป็นระยะแต่พอเราเลี้ยวซ้ายออกถนนสายรองก็จะเจอถนนลูกรังฝุ่นคลุ้งระยะทางแค่ 30 กิโลวิ่งซะเป็นชั่วโมง รถคันที่วิ่งอยู่ท้ายต้องทิ้งระยะห่างพอสมควรเนื่องจากมองทางไม่เห็นมีแต่ฝุ่น เมื่อถึงเมืองอัดสะพอนซึ่งก็คืออำเภอบ้านเรานี่แหละ ดูสภาพแล้วยังเจริญไม่เท่าตำบลที่บ้านผมเลยครับ (อันนี้จริงไม่ได้โม้) จุดหมายปลายทางที่เราจะไปยังเหลืออีก 10 กิโลทำให้ทีมงานเริ่มรู้สึกผ่อนคลายสบายใจเนื่องจากใกล้ถึงที่หมายแล้ว แต่พอรถเริ่มเลี้ยวเข้าถนนที่พวกเรากำลังจะไปทุกคนมองเป็นตาเดียวกันเหมือนกับตื่นเต้นอะไรซักอย่าง บางคนบอกว่านี่มันถนนหรือทางไปไร่เนี่ย55 รถวิ่งได้เกียร์ 1 2 3 แค่นั้นเอง ทางแค่ 10 กิโลใช้เวลาอีก 1 ชั่วโมงครับ ตื่นเต้นดี พอไปถึงจุดหมาย จากความเมื่อยล้าที่ต้องนั่งรถทั้งวันทุกคนก็ต้องตะลึงกับบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมที่เหมือนกับย้อนยุคกลับไปในอดีตเหมือนในหนังยังไงยังงั้น ผู้คนออกมาต้อนรับและมุงดูพวกเราด้วยความเป็นมิตรเด็กๆชวนกันวิ่งมาดูเราเหมือนเราเป็นตัวประหลาด สภาพบ้านเรือนเก่ามากหลังคาบ้านทุกหลังมุงด้วยไม้เป็นแผ่นๆ เกิดมาผมก็พึ่งจะเคยเห็นเหมือนกัน และที่สำคัญบ้านทุกหลังไม่ได้ฝังเสาเรือนเลยแค่เอาหินมารองต้นเสาไว้เฉยๆ โอ้....พระเจ้าอัศจรรย์จริงๆ ถามคนท้องถิ่นบอกว่าไม่ต้องฝังเสาก็ได้ เพราะที่นี่ไม่มีพายุ ไม่มีลม เอาสิครับถ้าเป็นเมืองไทยละก็ไม่กล้าขึ้นไปนอนด้วยเป็นแน่ ๆ ตกเย็นเวลาอาบน้ำเพื่อนชาวลาวบอกว่าต้องไปอาบน้ำโยกที่ท้ายหมู่บ้าน พวกเราสังเกตเห็นว่าสาวๆชาวลาวนุ่งผ้าถุงกระโจมอกเดินถือถังน้ำกันไปเป็นกลุ่ม ชายหนุ่ม(หัวงู)ทั้งหลายจึงตามไปเพราะกลัวไปไม่ถูก ผลสุดท้ายกลายเป็นสาวๆน้อยชาวลาวเป็นคนโยกน้ำและตักน้ำให้อาบ เฒ่าหัวงูทั้งหลายจึงยิ้มแก้มปริไปตามๆกัน ตกเย็นมาไฟฟ้าไม่มี ที่นี่ใช้กระบองให้แสงสว่าง อากาศโพล้เพล้เริ่มเป็นใจพวกเราก็เลยลองไปที่ร้านค้าแล้วซื้อเอาเบียร์ลาวมาลองลิ้มชิมรสดู แต่ต้องขอโทษที่ที่นี่ไม่มีน้ำแข็งขายเลยต้องไปควาญหาในกระติกน้ำที่พอเหลือนิดหน่อยที่เอามาจากเมืองไทย รสชาติเหมือนเบียร์ยี่ห้ออาชาในบ้านเรา ราคาแพงกว่าของไทยเพราะเราเอาเงินไทยซื้อเขาบอกเท่าไหร่ก็ต้องให้เขา 55 เงินไทยสามารถซื้อของที่ลาวได้ทุกที่ครับแต่จะให้ดีแลกเป็นเงินลาวดีกว่าจะได้ขาดทุนน้อยหน่อย เพราะถ้าเรามีเงินไทยพวกเขาสตาร์ทราคาสินค้าทุกอย่างที่ 20 บาทเลย ไม่มีทอนไม่รู้จักเหรียญ 5 เหรียญ 10 ไม่ใช้และไม่รู้จักด้วยเอาเหรียญ 10 บาทให้เด็กมันยังเอาไปโยนทิ้งเลย 555 น้ำใจและมิตรไมตรีที่พี่น้องลาวมีให้คณะทัวร์ในครั้งนี้ มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะบอก ทุกคนที่ร่วมเดินทางไปมีแต่รอยยิ้ม ความอิ่มเอิบใจ และความสุขที่ยากจะมีวันลืม ภาพเด็กๆที่มายืนมุงดูด้วยความใสซื่อ รอยยิ้มที่บ่งบอกถึงความสุขสุดๆเมื่อเด็กๆได้เสื้อผ้าตัวเก่าที่พวกเราติดไม่ติดมือไปฝาก พวกเราเดินทางกลับหลังจากโบกมือลาให้กับชาวเมืองผู้มีน้ำใจแห่งนี้ และสัญญาต่อพวกเขาอีกว่า เราจะทำผ้าป่าซึ่งเป็นผ้าป่าประวัติศาสตร์ครั้งแรกของหมู่บ้านนี้มาช่วยสร้างวัดตามคำเรียกร้อง พวกเขาจะเตรียมการต้อนรับพวกเราอีกครั้งให้ยิ่งใหญ่ บางคนบอกจะสานกระจาดหรืออะไรซักอย่างเอาไว้ฝาก................เราจะกลับมาและจะทำตามสัญญากลางเดือนพฤษภา 52 ค่อยเจอกัน
Copyright @ 2007, Design by: Ictwatburapa.com